ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว

ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว กินยังไงไม่ให้อ้วนลงพุงพร้อมเทคนิคกลับมาหุ่นปังได้เร็วขึ้น

และแล้วฤดูแห่งการท่องเที่ยวออกไปพบปะสังสรรค์กับครอบครัว เพื่อนฝูงเพื่อหาความสุขเปิดหูเปิดประสบการณ์ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศก็มาถึง หรือแม้แต่เดินทางไป business trip ชาวฟิตที่คร่ำเคร่งกับการลดน้ำหนัก รักษาหุ่นก็ต้องเผชิญกับความท้าทายอันยิ่งใหญ่อีกครั้งในการ ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว ด้วยตารางเวลาที่เปลี่ยนไป อาหารที่เราไม่ได้เตรียมเอง หลายคนที่ทำ IF กินคลีน ใจแข็งแค่ไหนก็อาจจะหลุดไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดามากๆ

วิธี ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว พร้อมเทคนิคกลับมาหุ่นปังได้เร็วขึ้น

การ ควบคุมหรือ ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว เป็นเรื่องที่สำคัญช่วยให้เราไม่สติหลุด เพราะการออกกำลังกายลดน้ำหนัก เหนื่อยเสียน้ำ เสียเหงื่อ เสียไขมันมาเป็นปีๆ แล้วมีแพลนจะต้องไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ หลายคนเป็นคนกินเก่งอยู่แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะให้กลับมาจากการเที่ยวได้ โดยที่น้ำหนักไม่ขึ้นไปไกลเกินกู่กลับ ไม่ต้องมาเริ่มใหม่ซ้้ำแล้วซ้ำอีก ให้เสียกำลังใจ ใจร่มๆกันก่อนนะคะ เราจะมาให้เทคนิคง่ายๆ ว่าควรจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้การไปท่องเที่ยวยังสนุก และไม่หลุดมาก จนต้องมาชดใช้กรรมกันหนักเกิน

เทคนิคนี้มาจากประสบการณ์เราเองค่ะ เราไปเที่ยวเกาะสนอคเกิ้ลดำน้ำดูปะการังมา บอกเลยว่าเที่ยวทั้งวันกว่าจะได้กินก็เลยเวลากินในช่วง Feed ของการทำ IF หรือทำ intermittent fasting ไปแล้วแถมอาหารคลีนที่ปกติเราจะเลือกสรรหามากินอย่างดีได้ก็อาจไม่มีเลย เช่น มีแต่ข้าวขาว ขนมปังขาว ของทอดของมัน น้ำหวาน ไอศครีม แต่สาย IF หรือสายฟิตทั้งหลายไม่ต้องขุ่นข้องหมองใจไป หลุดก็ต่อใหม่ได้

แถมเทคนิคนี้ใครไม่ทำ IF ก็ลองได้นะคะ ช่วยให้ไม่ต้องกลับบ้านพร้อมไขมันและน้ำหนักทะลักทลายมาเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เทคนิคสำหรับคนทั่วไปสำหรับช่วงไปเที่ยว

1. แอคทีฟให้มากกว่าเดิม

ในเมื่อกินเยอะขึ้นก็ต้องเบิร์นออกให้เยอะตามน่ะสิ ใครไปเที่ยวเกาะ เที่ยวทะเลก็ว่ายน้ำไปเลยค่ะยาวๆ ทั้งวัน แล้วพักขึ้นมาทานบ้างสลับไป หรือจะเดินจูงมือแฟนไปชายหาดนั้น ชายหาดนี้แทนที่จะนั่งแท๊กซี่ก็เริ่ด หรือชวนกันตื่นมาวิ่งตอนเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันก็สวีทวี๊ดวิ้วนะ เวลาถ่ายรูปลองท่าแอคทีฟกระโดดสวยๆตัดกับพื้นหลังเป็นท้องฟ้าและน้ำทะเล ส่วนใครไม่ได้ไปทะเลก็เดินเลยค่ะ สำรวจทุกที่ด้วยเท้า ขึ้นเขา ไปจุดชมวิว เดินขึ้นบันไดได้บริหารก้น ต้นขา ดังนั้นเวลาแพคกระเป๋าอย่าลืมเอาผ้าใบ ชุดว่ายน้ำไปด้วยนะ

ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว ไม่ให้อ้วนลงพุง

2. ดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ หรือน้ำเปล่าเยอะๆแทนน้ำหวาน

ถ้าไปทะเลเลือกดื่มน้ำมะพร้าวแทนน้ำหวานใส่ครีมเทียมได้จะดีมากๆๆ ลูกนึงมีประมาณ 50 แคลอรี่เท่านั้นเองมันคือเครื่องดื่มเฮลตี้ที่มีตามธรรมชาติเหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะน้ำมะพร้าวมีสารอาหาร ฮอร์โมนที่ดีต่อร่างกายและผิวพรรณ สารอาหารจำเป็น เช่น potassium, magnesium, sodium, calcium และ electrolytes ช่วยลดอาการขาดน้ำได้เร็วกว่าดื่มน้ำเปล่าเสียอีก แถมช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดดีกับคนที่เป็นเบาหวาน ไตรกลีเซอร์ไรด์ และอินซูลิน

Image result for fresh coconut

น้ำมะพร้าวหนึ่งแก้วหรือ ประมาณ 240 กรัม มี 46 แคลอรี่รวมทั้งสารอาหารแจ่มๆได้แก่

  • Carbs: 9 กรัม
  • Fiber: 3 กรัม
  • Protein: 2 กรัม
  • Vitamin C: 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)
  • Magnesium: 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)
  • Manganese: 17% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)
  • Potassium: 17% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)
  • Sodium: 11% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)
  • Calcium: 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDI)

ใครไปเที่ยวต่างประเทศก็ดื่มชาร้อนหรือกาแฟร้อนไม่ใส่น้ำตาล อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ dehydrate ค่ะ เพราะบางคนอาจหน้ามืดคว้าน้ำอัดลม(กระป๋องนึง 140 แคลอรี่) หรือเบียร์(แก้วนึง 180 แคลอรี่) มาดื่มแทน จะไปกันใหญ่นะ แต่ถ้าใครโอเคผ่อนๆตอนเที่ยวก็ดื่มไปแล้วค่อยกลับมาเข้ายิมเอาออก 🙂

3. หาข้าวกล้อง ข้าวไรส์เบอร์รี่ไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน!

โหดมั้ย โดยเฉพาะมื้อเย็นตัดคาร์บไปเลยจ้า กินกับข้าวแทน เน้นปลาเผา ซีฟู้ด ต้มแซ่บ ต้มยำ อะไรก็ว่าไป ใครไปต่างประเทศลองเมนูปลา งดเฟรนช์ฟราย พิซซ่า หรือลองพาสต้าแบบเส้นทำมาจากสควอช หรือเส้นโฮลวีต ลองดูแนวทางอาหารแบบโลว์คาร์บไฮแฟต LCHF ที่เราเคยลงไว้ได้ หรือทานเป็นโลว์คาร์บไฮโปรตีนสาหรับคนที่มีไขมันสะสมเยอะๆอยู่แล้ว ส่วนของหวานสั่งมาทานคำสองคำที่เหลือยกให้แฟนกินวนไปค่ะ 555

กินยังไงไม่ให้อ้วนลงพุง

ตัวอย่างมื้ออาหารที่เราสั่งกินจริงๆตอนไปเที่ยวนะ ก็กินตามปรกติแต่พยายามเลือกแบบยำ ต้ม นึ่ง ลวก มีผัดผักอยู่ด้วยเน้นกินให้อิ่มจะได้ไม่เหลือพื้นที่สำหรับของหวาน แต่ถ้าใครอยากของหวานจริงๆลองสมูทตี้ผลไม้ปั่นไม่ใส่น้ำตาล พวกกีวี แอปเปิ้ลเขียว กล้วย สตรอเบอร์รี่ ก็ช่วยได้เยอะเลย

4. พกขนมคลีนติดตัวไว้เลย

ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว ให้ได้ผลก็ต้องคุมความอยากของหวานนี่แหละ บางทีคนอื่นกินกันเราก็อาจจะต้องทานไปด้วย แต่ถ้าเรากินขนมคลีนๆ เช่น พวก protein bar โปรตีนบาร์ กราโนล่าธัญพืชแบบซองแต่ดูแบบที่น้ำตาลน้อยนะ โดยเฉพาะช่วงบ่ายๆ หรือก่อนกินมื้อเย็นไว้ตัดกำลังไม่ให้เราโหยแล้วขาดสติ บางอย่างก็ช่วยเพิ่มโปรตีนทำให้เราไม่โหยอยู่ท้องด้วยค่ะ เดี๋ยวนี้ก็มีร้านขายขนมคลีนเยอะมากซื้อมาตุนไว้ก่อนไปทริปก็ช่วยได้เยอะ โดยเฉพาะคนที่ไปเดินป่า เทรคกิ้ง เพราะพกพาได้ง่าย สะดวกสุดๆ

quest bar protein bar ช่วยลดน้ำหนัก

5. จัดหนักมื้อเช้า

ทานมื้อเช้าแบบเฮลตี้เอาให้หนักพออยู่ท้องเข้าไว้ เพราะอาหารมื้อนี้จะเป็นแหล่งพลังงานให้เราทั้งวัน แถมช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้อีก (อ่านเพิ่มเทคนิคเร่งอัตราการเผาผลาญ) อัดโปรตีนไฟเบอร์เข้าไปค่ะ จัดเลยไข่ดาว ไข่คน เพิ่มผัก ผัดผัก ผลไม้ นมจืด ถ้าจะให้ดีทานผักผลไม้ปริมาณครึ่งหนึ่งของทั้งมื้อจะช่วยให้อิ่มยาว เมนูง่ายๆที่โรงแรมจัดให้ เสริมด้วย กาแฟ ชา ช่วยให้เราตื่นตัว คงการเผาผลาญเที่ยวแบบมีแรงทั้งวัน

Related image
weightwatchers.com

6. หาเวลาออกกำลังกายแบบง่ายไม่ต้องใช้อุปกรณ์

สาหรับคนฟิตจริงจัง และพอหาเวลาว่างได้ แทนที่จะนอนกลางวันเล่นมือถือ ถ้าต้องการ ลดน้ำหนักระหว่างไปเที่ยว ก็ลองมาพักผ่อนออกกาลังกายสั้นๆริมชายหาดหรือในห้องที่โรงแรมสัก 10-15 นาที เพิ่มความสดชื่น ใครต้องใส่บิกินี่ต่อก็ช่วยกระชับโค้งสุดท้ายได้เลย ลองทาตามคลิปข้างล่างนี้ดูค่ะง่ายมาก แป๊บเดียวก็เป๊ะได้ เทคนิคทั้งหมดนี้ คิดว่าน่าจะพอทำได้ไม่ยากเกินไปนะคะ

ท่ากระชับก้นและต้นขาใช้เวลา 12 นาทีเท่านั้น

เล่นหน้าท้องให้ฟิตใน 10 นาที

สำหรับคนทำ IF ถ้าต้องหลุด

จริงๆแล้วการไปเที่ยวให้ยังคงฟิตได้ไม่กลับมาน้ำหนักพุ่งพรวด ด้วยการทำ IF หรือจำกัดชั่วโมงการกินนี่แหละดีและมีประสิทธิภาพมากอีกแบบ แต่บางครั้งคนที่ต้องไปทริปกับบริษัทก็อาจจะเลี่ยงได้ยาก แต่เรามีคำแนะนำคือ ให้เลือกปรับตามข้อจจำกัดตัวเองคือ

1. ถ้ารู้ตัวว่าจะต้องกินในช่วงเวลาอดแน่ๆ จงลดแป้งพวกแป้งขาว น้ำตาล แอลกอฮอล์ งดของทอดลง ลองกินมื้อเย็นแบบ โลว์คาร์บไฮโปรตีน หรือ LCHF ในบลอคที่เคยโพสต์ไปไว้ให้ก่อนหน้านี้

2. ขยับเวลาช่วง feed และ fast เช่น แบบ 16/8 ปกติกิน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น แล้วคืนนี้ต้องกินดึก เช่น ถึงสามทุ่ม ลองเลือกเอา 3 แบบ

A เลื่อนเวลากินวันนั้นมาเริ่มที่บ่ายโมง (แปลว่าช่วงอดตอนเช้านานขึ้น)
B กินไปเถอะ (ตั้งแต่ 9โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม) แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มกินตอนบ่าย แล้วกลับมาหยุดกินที่ 5 โมงเหมือนเดิม (ช่วงอดตอนเย็นนานขึ้น) สองแบบ A-B ข้างบนคือ ขยับเวลาเอาแต่เน้นยึดเวลาอดต้องให้ครบ 16 ชม. แต่ต้องระวังกินไม่ถึงแคลนะจ๊ะ เพราะช่องเวลากินมันสั้นลง

     C ช่างมันเหอะ (เพียงแต่ถ้าทาได้ก็อย่ากินเกินแคล) แล้ววันพรุ่งค่อยกลับมากินตามตารางใหม่

3. บางทีปรับเวลากินขาดเกินไป ชม.เดียวก็ไม่ต้องเครียดเกินไปค่ะ จุดประสงค์ของเราคือทำให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ มันจะได้ยั่งยืนไม่ฝืน ใครไม่ถนัดก็แค่กินตามแคลอรี่ที่ควรแล้วออกกำลังกายเพิ่มเอาแทนก็ได้

กลับมาฟิตยังไงหลังจากทริป

พอกลับมาแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดฟิตปกติ ใครอยากลงได้อีกกลับมาแล้วก็ burn baby burn สิคะ กระโดดเชือก วิ่ง หรือจะใช้การทานอาหารแบบลดแคลอรี่ลงเหลือต่ำกว่าวันละ 1,000 แคลอรี่สัก 3 วัน ร่วมกับการทำ IF Intermittent Fasting โดยเพิ่มช่วงเวลาอดให้ยาวขึ้น เช่น จาก 16/8 เป็น 18/6 หรือ 20/4 หรือการดื่มน้ำผักสกัดหรือปั่นกับ ถั่ว ซูเปอร์ฟู้ดแทนอาหารในช่วง 1-3 วันตามบลอคที่เคยแชร์ก็ได้ค่ะ เร็วทันใจดี

สำหรับคนที่กินเยอะไปแล้วก็ไม่เป็นไรนะคะ อย่าทำโทษตัวเองหรือเครียดจนเกินไป เริ่มต้นใหม่ได้เสมอค่ะเพียงแต่กลับมาแล้วต้องรีบกลับมาออกกาลังกาย อย่ากินของหวาน ของทอดเพิ่มเข้าไปอีก แล้วใช้วิธีแบบที่แนะนำไปข้างบน เพราะสิ่งสำคัญคือ ไม่อยากให้โฟกัสที่ตัวเลขน้ำหนักเท่านั้น แต่โฟกัสที่สุขภาพดี แข็งแรง ให้ออกไปใช้ชีวิตอย่างมีความหมายต่างหาก นั่นคือกำไรของชีวิต

คำเตือน  

ผู้หญิงมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรทำ Intermittent Fasting