ต่อให้ไม่ลดน้ำหนัก ก็ควร ลดน้ำตาล เรื่องยากที่สุดของมนุษยชาติเพราะ น้ำตาล ให้ความหวานรสชาติถูกปาก มีอยู่มากในเมนูขนมหวานหรือเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ น้ำอัดลม แม้น้ำตาลจะมีรสชาติที่ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า อารมณ์ดี แถมยังช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากอากาศร้อนเหงื่อไหลของประเทศไทย แต่ในความหวานชื่นใจ ก็ได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งในฆาตรกร พรากชีวิตคนบนโลกไปเยอะมาก เพราะส่งผลร้ายกับร่างกายได้มากจนคาดไม่ถึง ใครที่ติดใจรสชาติหวานของน้ำตาลละก็ ควรติดตามบทความนี้เป็นอย่างยิ่ง!
ลดน้ำตาลเถอะ! กินให้น้อยแล้วชีวิตจะดี๊ดีกับ 17 เหตุผล ทำไมลดหวานแล้วสุภาพจะดีขึ้นทันตาเห็น
น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง(อ่าน คาร์บดี คาร์บไม่ดีดูอย่างไร กินคาร์บไม่ให้อ้วน) ที่พบได้ทั่วไปในอาหารหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลแลกโตสในน้ำนม หรือน้ำตาลฟรุกโตสในผลไม้ และน้ำผึ้ง แต่การรับประทานนม หรือผลไม้รสชาติหว๊านนนน…หวานเต็มไปด้วยน้ำตาลที่เกิดจากธรรมชาติมาก ๆ นั้น อาจจะยังไม่ร้ายแรงพอที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับปริมาณน้ำตาลเกินขนาด
เพราะผักผลไม้ก็มีประโยชน์ มีวิตามินพร้อมช่วยเพิ่มกากใยทำให้ถ่ายสะดวก ความเข้มข้นของน้ำตาลในนั้นไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ในทางกลับกันหากเรารับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ปรุงแต่งด้วย “น้ำตาลอิสระ” เข้าไปอีกเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงต่อสุขภาพก็มากขึ้นได้เป็นหลายเท่าเลยล่ะ
โทษของน้ำตาล
การทำอะไรมากไปเกินพอดีก็ไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น เช่นเดียวกันกับการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโทษมากมายเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่า สิ่งที่คน ๆ รักสุขภาพอย่างเรากลัวมากที่สุดก็คือ การเกิดไขมันสะสมตามร่างกาย เช่น หน้าท้อง ก้น สะโพกและต้นขา จนทำให้เกิดเป็นข้อกังขาอยู่ในใจเสมอว่า “แม้ออกกำลังกายมากเท่าไหร่ แต่ทำไมไขมันเจ้ากรรมถึงไม่หายไปสักที?” ดังนั้น การบริโภคน้ำตาลเกินพอดี ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อ้วนและมีไขมันส่วนเกินอย่างไม่รู้ตัว แถมก่อโรคสุดอันตรายอย่างเบาหวานได้อีก
กินน้ำตาลอย่างไรให้พอดีในแต่ละวัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะพบว่า นู้นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ แล้วหนทางไหนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดละ ในเมื่อพวกเราอาศัยอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และ Street Food แสนอร่อย ก็หาได้ง่ายดั่งร้าน 7-ELEVEN
Healthplatz จึงขอนำสารความห่วงใยจากองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับคำแนะนำในการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวัน โดยระบุว่า
ประชากรทุกคนไม่ควรบริโภคนํ้าตาลเกินกว่าร้อยละ 5 ของพลังงานรวมจากอาหารในแต่ละวัน หรือประมาณไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน (ประมาณ 24 กรัม) เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว นํ้าตาลในที่นี้รวมถึงนํ้าตาลทรายที่เติมในอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งนํ้าตาลจากธรรมชาติ เช่น นํ้าผลไม้ นํ้าผึ้ง เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น การ ลดน้ำตาล ลดหวาน นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพมากมาย มาพบกับ 17 เหตุผลดี๊ดี ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนใจ มางดหวาน ลดพุง เพื่อสุขภาพที่ดีในทุกวัน
17 เหตุผลที่ควร ลดน้ำตาล เพื่อสุขภาพ
1. ลดความดันโลหิต
การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักให้ที่ทำให้อ้วน และความอ้วนนี้เองก็ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เป็นความดันโลหิตสูง ซึ่งอันตรายจากความดันโลหิตสูงนี่เองจะทำให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานมากกว่าปกติ และอาจจะพัฒนาไปสู่การเป็นโรคหัวใจ หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือด เป็นต้น
รายงานผลการวิจัยระบุว่า ผู้ที่ได้รับพลังงานจากน้ำตาลปรุงรส (Added Sugar) หรือน้ำตาลอิสระ อย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์จากพลังงานทั้งหมด มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าผู้ที่รับประทานอาหารโดยมีพลังงานจากน้ำตาลน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
2. ลดคอเลสเตอรอลไม่ดี
รายงานผลการวิจัยระบุ ผลเสียของน้ำตาลว่า ผู้ที่กินน้ำตาลมาก มีแนวโน้มที่จะมีไขมันดี (HDL) ลดน้อย แต่มีไขมันเลว (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) เพิ่มมากขึ้น เพราะปริมาณคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและไขมันในเลือดจำนวนมากสามารถไปอุดตันหลอดเลือดและนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจในที่สุด ดังนั้น กินน้ำตาลน้อย ก็จะไม่ไปเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีไงหละ
3. ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ
Dr. Darria Gillespie แพทย์ฉุกเฉินที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจากโรงพยาบาล Emory University กล่าวว่า
ในทุก ๆ เครื่องดื่มรสหวานหรือน้ำอัดลมที่คุณดื่มไป ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจมากถึง 25 เปอร์เซ็นต์
ผู้ที่บริโภคน้ำตาลมาก ๆ มีความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวาย โรคจากการกินหวาน เชื่อหรือไม่ว่า หนึ่งในวิธีลดหวานที่ได้ผลเป็นอย่างยิ่งคือ “เพียงแค่คุณงดดื่มน้ำอัดลม”
4. ช่วยให้สมองแล่น
ส่วนใหญ่เราจะชอบได้ยินว่า น้ำตาลทำให้ฟันผุ แต่หารู้ไม่ น้ำตาลสามารถทำให้สมองทำงานช้าลงได้เช่นกัน มีรายงานการวิจัยเผยว่า การกินน้ำตาลมากเกินไปอาจจะไปลดความสามารถในการจำ และลดโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการจดจำและการตอบสนองของร่างกาย หลายคนเลยหันมากินกาแฟดำไม่หวานเพราะ ลดน้ำตาล ในเครื่องดื่มยิ่งกลับทำให้สมองเราแล่นดีกว่าเดิม
5. มีแนวโน้มที่จะไม่เป็นอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม
จากรายงานผลการวิจัยพบว่า การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากทำให้การผลิตโปรตีนที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor (BDNF) ซึ่งเป็นเป็นอาหารของเซลล์ประสาทสมอง ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความทรงจำใหม่และจดจำเรื่องราวในอดีต ลดลง นั้นอาจเป็นเรื่องที่ดีหากเรากำลังอกหัก และอยากลืมเรื่องราวต่าง ๆ แต่ก็คงจะดีกว่าถ้าเราสามารถจำเรื่องราวทั้งหมดให้เป็นบทเรียน แถมยังช่วยให้เรามีความคิดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้น ลดน้ำตาล ลดหวาน ช่วยในเรื่องความจำนะจ๊ะ
6. ไม่ซึมเศร้า
หนึ่งในรายงานผลการวิจัยเผยว่า ผู้ใหญ่ที่ดื่มน้ำอัดลมมากกว่า 4 หน่วยบริโภค (Serving) มีแนวโน้มกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะถูกวินิจฉัยว่า มีอาการซึมเศร้ามากกว่าคนที่ดื่มน้ำ กาแฟหรือชาที่ไม่หวาน หากไม่อยากซึมเศร้าและหดหู่ใจ มาลดหวานกันดีกว่าค่ะ
7. อารมณ์ดี๊ดี
เคยสังเกตไหมว่า เมื่อเราได้กินของหวาน เราจะรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ นั้นก็เพราะว่าเมื่อร่างกายดูดซึมน้ำตาลเข้าไป ร่างกายก็ปล่อยสารตัวหนึ่งออกมา ที่เรียกว่า โดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่จะทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดี แต่ปัญหาที่แท้จริก็คือ การกินน้ำตาลมากเกินไปจะไปหยุดการให้สัญญาณที่ถูกต้องของสมองในการปล่อยสารตัวนี้ออกมา และทำให้ร่างกายเกิดการเสพย์ติด นั่นหมายความว่า เราต้อง และอยากกินน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆเพื่อกระตุ้นการปล่อยสารโดพามีนเพื่อรู้สึกอารมณ์ดีอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อลดหวานจนเป็นวิสัย เราก็จะสามารถอารมณ์ดีได้ด้วยตัวของเราเองค่ะ
8. ทำให้ผิวดูเด็กลง
การกินน้ำตาลมากเกินไปทำให้เกิดริ้วรอย เซล์และร่างกายโดยรวมแก้่ลง และผิวดูหมองคล้ำได้ เนื่องจากระบวนการที่เรียกว่า ไกลเคลชั่น (Glycation) ซึ่งเป็นกระบวนการที่นำตาลในกระแสเลือดไปเกาะตัวกับโปรตีน เพื่อสร้าง Advance Glycation End Product หรือเรียกสั้น ๆ ว่า AGEs ซึ่ง AGE เองจะไปทำลายไฟเบอร์โปรตีนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงอย่าง คอลลาเจนและอีลาสติน เรื่องนี้พูดเลยไม่ใช่เล่นๆ งานวิจัยแทบทั้งหมดในวงการแพทย์ และโภชนาการออกมาฟันธงรัวๆว่า น้ำตาลคือสาเหตุของการแก่ก่อนวัย ดังนั้นไม่อยากแก่เร็ว เรามา ลดน้ำตาล กันค่ะ
9. แถมยังหน้าใส ไร้สิว
รายงานการวิจัยระบุว่า อาหารที่มีน้ำตาลสูงมีผลต่อการเป็นสิว หน้ามัน ผิวแห้งขาดน้ำ เนื่องจากทำให้เกินความผันผวนของฮอร์โมน
10. ลดความเสี่ยงในการเป็นเบาหวาน
รายงานการวิจัยฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานประมาณ 1 หรือ 2 แก้วต่อวันจะเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ถึง 26 เปอร์เซ็นต์ งดหวานก็ช่วยลดควาเสี่ยงการเป็นเบาหวานได้นะจ๊ะ
11. ป้องกันการเป็นไขมันพอกตับ
รายงานการวิจัยระบุว่า การกินน้ำตาลมากเกินไปทำให้อาการไขมันพอกตับรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มหรือลดลงอย่างรวดเร็วของระดับอินซูลินในร่างกาย (Insulin Spike) ที่เกิดจากการกินน้ำตาล จะไปกระตุ้นการเดินทางของไขมันไปสู่ตับ ตับของเรามีแค่อันเดียว มาลดหวาน เพื่อรักษาตับของเราให้แข็งแรงกันดีกว่าค่ะ
12. ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิด
อันที่จริงยังไม่มีผลงานการวิจัยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มีการศึกษาระบุว่า การกินน้ำตาลมากเกินไปมีความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งบางชนิดอย่างเช่น มะเร็งตับอ่อน
13. ลมหายใจสดชื่น
ตั้งแต่เด็กจนโตจะได้ยินเสมอว่า “กินหวานมากระวังฝันผุนะ” คำเตือนเล่านี้มีต้นต่อมาจาก น้ำตาลเป็นแหล่งกำเนิดชั้นดีของแบคทีเรีย ทำให้เกิดคราบพลัคและมีลมหายใจที่ไม่สดชื่นในตอนเช้า
14. หายใจสะดวกขึ้น
รายงานการวิจัยพบว่า รูปแบบการกินอาหารบางชนิดรวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลสูงทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับที่สามของการเสียชีวิตในสหรัฐฯ มาลดหวานเพื่อการหายใจที่สะดวกทั่วท้องกันค่ะ
15. มีพลัง
มีการศึกษาค้นพบว่า น้ำตาลสามารถลดโอเร็กซิน (Orexin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายของเราตื่นตัวและกระตุ้นการเผาผลาญ เมื่อโอเร็กซินน้อยลง เราก็จะรู้สึกง่วง อยากนอน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งคำอธิบายว่า ทำไมเราถึงรู้สึกง่วง งัวเงียจนอยากไปนอน หลังจากมื้อกลางวันที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล
16. กินน้อยลง ผอมได้ไวกว่า
หนึ่งในรายงานการวิจัยระบุว่า การบริโภคเกินน้ำตาลมากเกินไปทำให้ร่างกายผลิตเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งสัญญาณว่า ร่างกายของคุณกำลังหิว ดังนั้น การลดขนมจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเหมือนหิวอีกต่อไป แล้วหันมารับประทานคลีนๆ อาหารออร์แกนิค ที่ไม่ผ่านการแปรรูป ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดความรู้สึกอยากกิน (แต่ไม่ได้หิวจริง) หรืออาการอยากทานอาหารขยะ แถมยังอิ่มนานขึ้นอีก อีกด้วยค่ะ
17. คุณหมอจ๋า… คุณหมอออ… นาน ๆ เราเจอกันทีดีกว่านะ
การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เกิดโทษของการกินหวาน โดยจะไปลดการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันของร่างกาย การกินน้ำตาลจำนวนมากจะไปยับยั้งกระบวนการทำลายเชื้อไวรัสและแบคทีเรียของเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือที่เรียกกันว่า ฟาโกไซโทซิส (Phagocytosis) มาลดหวาน เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาวกันดีกว่าค่ะ
แม้นเราจะเป็นคนหวาน ๆ แต่ก็ไม่ควรบริโภคน้ำตาลมากเกินไป การบริโภคน้ำตาลเกินความจำเป็นก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพมากมาย และอาจไปลดประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย อีกทั้งยังทำลายเซลล์หรือฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น การรับประทานอาหารออร์แกนิคแบบไม่ปรุงแต่ง และได้ตรงจากธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ หรือซุปเปอร์ฟู้ด จะช่วยเพิ่มวิตามิน กากใย หรือสารสำคัญมากมาย ที่ช่วยรักษาเซลล์หรือฮอร์โมน และคงประสิทธิภาพการทำงานของระบบในร่างกาย เพื่อสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว
อาหารบางชนิดยังช่วย ลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งช่วยบรรเทาอาการอักเสบของร่างกาย ได้อีกด้วยนะ หากใครมีค่าน้ำตาลในเลือดสูงแล้วต้องการ ลดน้ำตาล ให้ลงเร็วขึ้นเพื่อป้องกันเบาหวาน ให้ค่อยๆลดการปรุงอาหารหรือเครื่องดื่มด้วยน้ำตาลลง จนเลิกใส่น้ำตาลไปเลยในที่สุด พยายามทานอาหารจากรสธรรมชาติ หากวันไหนคิดถึงความหวานมากลองทานผลไม้ทดแทนไปก่อน หรือใช้สารแทนความหวานจากธรรมชาติอย่างน้ำตาลหญ้าหวาน หรือ stevia
นอกจากนี้ ลองทานอาหารใกล้ตัวตามรายการที่เราสรรหามาให้ซึ่งสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หรืออย่างน้อย ๆ ก็ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ วิธีลดน้ำตาลสะสม และอย่าลืมออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที อาทิตย์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง ควบคู่กับอาหารตัวช่วยดีๆเหล่านี้
ซุปเปอร์ฟู้ด-Superfoods (ตามลิ้งค์ไปดูได้ว่ามีอะไรบ้าง)
อาหารยอดฮิต ณ เพลานี้ มีหลายร้อยประเภทที่มีผลการศึกษารับรองว่าช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอลได้ แถมช่วยลดความอยากน้ำหวาน ขนมจุกจิก ได้แก่ ผักเคล เมล็ดเจีย (อ่านสุดยอดเมล็ดธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ) คาเคา อัลมอนด์ ธัญพืชโฮลเกรนต่างๆ อาโวคาโด เป็นต้น และที่
ผักใบเขียว (Leafy vegetables)
หาง่ายที่สุด ลดน้ำตาล ได้ดีมาก พืชผักใบเขียวแทบทุกชนิดจะอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ตัวช่วยสุดยอดที่ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี เพราะแมกนีเซียมไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพเลือดเท่านั้น แต่ยังจัดเป็นแหล่งสารอาหารชั้นเลิศของเลือดด้วย ดังนั้นเมื่อกินผักใบเขียวเข้าไป เลือดก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ เสริมสร้างความแข็งแกร่ง และคอนโทรลระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
ขิง (Ginger)
เป็นสมุนไพรไทยที่เลื่องชื่อยิ่งนักในการรักษาเบาหวาน เพราะในขิงมีสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของอินซูลินในร่างกาย ทำให้ระดับกลูโคสในเลือดลดลง และยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของปริมาณอินซูลินด้วย คนเราสามารถทานขิงได้เป็นประจำหลากหลายรูปแบบ ทั้งการนำไปเป็นส่วนผสมในอาหาร และการทำเป็นน้ำขิงเพื่อดื่ม
อบเชย (Cinnamon)
สารสำคัญที่มีจากในสมุนไพรอบเชยจะมีส่วนช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นอกจากนี้ สรรพคุณจากอบเชย ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่นำมาซึ่งการเกิดโรคเบาหวานอย่างได้ผล
กระเทียม (Garlic)
ในกระเทียมมีสารอัลซิลิน (allicin) ที่มีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตและมีฤทธิ์ในการต่อต้านเบาหวานได้เป็นอย่างดี โดยผลจากการศึกษาพบว่า สารเอทานอลในกระเทียมมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการหลั่งอินซูลินได้ด้วยเช่นกัน
แอปเปิ้ลเขียว (Green apple)
การทานแอปเปิ้ลเขียวแบบสดๆ ทุกวัน จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่เร็วจนเกินไป เพราะว่าน้ำตาลในแอปเปิ้ล จะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้กับร่างกายแบบช้าๆ รวมไปถึงเส้นใยในผลแอปเปิ้ล มีคุณสมบัติพองตัวได้ดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานกว่าการทานขนมหวานทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีพืชผักพื้นบ้านอื่นๆ อีกหลายชนิดที่สามารถรับประทานเพื่อบรรเทาอาการของโรคเบาหวานได้ เช่น ขมิ้น บอระเพ็ด กระเจี๊ยบเขียว มะเขือพวง ตำลึงและว่านหางจระเข้ เป็นต้น
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (Apple cider vinegar)
เพียง 1 ช้อนชาของแอปเปิลไซเดอร์ ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว จิบระหว่างมื้ออาหาร ผลการศึกษาจาก Diabetes Care ก็บอกว่าสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยแอปเปิลไซเดอร์จะเข้าไปกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน แถมยังเข้าไปควบคุมอินซูลินในกระแสเลือด หลังจากที่ร่างกายย่อยอาหารประเภทแป้งไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งปรี๊ด จนเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2
หรือจะลองขนมสูตรคลีน เฮลตี้ของเราอย่าง
- พาวเวอร์บอล (power balls recipes)
- เอนเนอจี้บอล (Energy ball recipes) 7 สูตรสุดเฮลตี้
- คุ้กกี้คลีนง่ายๆจากกล้วย โอ๊ตและคาเคา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
Cover image: Life Line Screening